คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

ตนอบรมตน คอยจับผิดตน ตรวจตน

  • 2024,Mar 29
  • 2524

ไม่ต้องไปตรวจที่ไหน ตรวจที่ปฏิปทาการที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ นิสัยนั่นแหละเป็นใหญ่ เพราะฝึกเพื่อจะดูจิต เพื่อจะทำให้จิตสะอาด อย่าไปดูแค่เพียงจีวร อย่าไปดูแค่เพียงอุปโลกน์ทั้งหลายข้างนอก พิธีการทั้งหลายข้างนอกนี่แหละมันเพื่อจะไปทำลายกิเลสในจิต มันทำลายได้ไหมล่ะ ถ้ามันทำลายไม่ได้แสดงว่ายังไม่ได้ผล วัดผลกันที่จิตใจ กิเลสมันสิ้นไม่ได้สิ้นที่แขนที่มือ มันสิ้นที่นิสัย นิสัยดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้น ได้ผล ไม่เคยเฉยก็เฉยได้ ไม่เคยยอมก็ยอมเป็น ยึดมั่นถือมั่น เออ เดี๋ยวนี้ยังคลายยังปล่อยได้หลายเรื่องหลายชนิดเลย

...

เมื่อก่อนแกงนี้ขนมนี้เห็นเป็นไม่ได้ ติดในรสในชาติ ตั้งแต่มาปฏิบัติธรรมรู้สึกว่าได้กินก็ได้ไม่ได้กินก็ได้ หลังจากมาฝึกกินฝึกอยู่แบบผู้ประพฤติธรรม กินตามมีตามได้ ก็ไม่เห็นมันจะทุรนทุรายอะไร เมื่อไม่ได้กิน ก็จะรู้ตัวเองแล้วว่าเรื่องกินมันไม่ค่อยจะยึดติดเท่าไหร่แล้ว ตรวจกันสดๆ อย่างนี้ ไม่ใช่โลภ บิณฑบาตหอบกลับไปกุฏิเน่าเหม็นอยู่ข้างกุฏิเยอะแยะ กินไปไม่กี่อย่างหรอก แต่มันถือว่าเป็นสิทธิ์ของมันที่จะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้ เอาไปทิ้งไปขว้าง ยังไม่ได้เรื่องหรอก

...

ยังโลภ ยังหยาบอยู่ อ้าวแล้วมันเป็นสิทธิ์จริงๆ ไม่ใช่เหรอ จริง ใช่ มันเป็นสิทธิ์จริงๆ แต่รู้ไหมมันละเอียดอ่อน นั่นแหละเขาวัดตบะแกแล้ว แล้วมีใครไปว่าแกไหม ไม่มี ดูสิว่าแกจะมีจิตใต้สำนึกรู้ว่าควรไม่ควร โภชเนมัตตัญญุตา ปริมาณอันควรที่งดที่งามเมื่อไหร่แกจะรู้ ละเอียดอ่อน ปราณีตขึ้นเรื่อยๆ ระดับของการมีปัญญาจากการประพฤติปฏิบัติ ถ้าเธอมีบุญเธอก็จะเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ นี่ก็ใช่ นี่ก็ใช่ ใช่กิเลส ใช่แล้วทำไง เอาออก ต่อไปเลิก ต่อไปเลิก อย่างนี้ก็ชื่อว่าโลภ มันก็จะเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ลงเรื่อยๆ ลงเรื่อยๆ

...

การเกิดขึ้นของปัญญามาจากการปฏิบัติประจำวันของเรา พอเรามาตรวจดูจึงได้รู้ว่านี่เองไงล้วนแต่คือครู คือสิ่งที่สอนเรา เราจะเกิดปัญญาหรือยัง ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นธรรมะ สิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ต่อหน้าต่อตาทุกวันทุกคืนนี่แหละ มันลึกซึ้งในความหมายหรือยังที่กระทำอยู่น่ะ ว่ามันล้วนแต่สำคัญทั้งนั้น

...

การทำทุกประการตามที่ท่านสอนนั่นแหละเรียกว่าเคารพธรรม เคารพพระธรรม เรียกว่ามี พระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่ง ได้แต่ สวากขาโต ภควตา ธัมโม ได้แต่สวดได้ แต่ไม่ได้เอาคำสวดมาพิจารณาให้แจ่มแจ้ง ว่านั่นแหละเรากำลังสอน เรากำลังบอกตัวเองอยู่ ว่าให้เอาคำสอนนั้นมาใช้มาปฏิบัติ ไหนว่ามีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ที่ทำอยู่ไม่เห็นตรงกับพระธรรมคำสอนเลย แล้วยังอยากจะรู้ว่าตัวเองระดับไหนขั้นไหนแล้ว ดีนะที่ไม่ไปถามคนอื่น เขาตอบมาจะหงายท้องหงายไส้ ก็เลย ตนอบรมตน คอยจับผิดตน เพ่งโทษคนอื่นเป็นกิเลส เพ่งโทษตนเองนั่นแหละ เป็นสติ เป็นปัญญา เป็นกุศล ...

หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562