มุดถ้ำเม่นเมืองกาญจน์

มุดถ้ำเม่นเมืองกาญจน์ มุดถ้ำเม่นเมืองกาญจน์

เป็นถ้ำลึกลับ ชอกแซก มีหลุมมีบ่อ มีแท่น ทั้งปีนขึ้นปีนลง มีเม่นฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ เวลากลางคืนจึงจะเห็นมันออกหากิน ได้ยินเสียงขนแข็งๆ กระทบกัน ค็อกแค็กๆ ไม่กล้าส่องไฟดูมันตรงๆ ... กลัวมันสลัดขนใส่ ขนเม่นจะแหลมยาว ได้อาศัยอยู่ที่นี่ประมาณ ๑ เดือน กลางคืนได้นั่งเพ่งกสิณไฟ จุดเทียนแล้วนั่งจ้อง บริกรรมว่า "เตโช ๆ ๆ ๆ" สลับกับคำภาษาไทยว่า "ไฟ ๆ ๆ ๆ" บริกรรมหูดับตับไหม้ พอแสบตาก็หลับตาลง หายแสบก็เริ่มใหม่ จนกว่าเทียนจะหมดเล่ม บางทีก็เพ่งเฉยๆ ไม่บริกรรม 

เมื่อหลับตาลงก็เห็นดวงไฟกลมๆ ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า มีการเปลี่ยนสีได้ จากเหลืองเป็นแดง-ส้ม-เขียว-ดำ-ขาว แล้วก็จางหาย ไปในที่สุด จิตก็สงบอยู่ย่างนั้น ... อยู่ๆ ก็เห็นตัวเลขอารบิคลอยมาใสๆ  ชัดเจนมาก "926" แล้วจิตก็ถอนออกจากสมาธิ

...

เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมายถึงอะไร รุ่งขึ้นมีคนมาแถวถ้ำ เขาคุยกันเรื่องลขหวย งวดนี้จะชื้ออะไร? คนนี้คนนั้นก็บอกต่างๆ กันไป มีคนหนึ่งหันมาถามพระเป็นทีเล่นทีจริง แล้วท่านไม่ซื้อบ้างเหรอ? พูดแกมหัวเราะ ฮึ ฮึ เราเห็นเขาพูดแกมเล่น ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง ก็เลยหลุดออกไป ... "926" ล่ะมั้ง ? หลังจากนั้นไม่กี่วัน มีโยมนำสังฆทานมาถวายที่ถ้ำ มีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่หลายคนด้วยกัน คนหนึ่งพูดว่า "พอดีถูกหวย จะมาถวายสังฆทานท่านค่ะ" "แหม ! ท่านให้ตรงเป๊ะเลย อย่าลืมงวดหน้านะคะ" 

...

อ้าว ! เราพูดเล่นๆ ตามนิมิต ไม่คิดว่าเขาจ้องจับอยู่ดีนะที่มันแม่น ถ้ามันผิดเขาต้องเสียหายเป็นทุกข์ เราก็ต้องบาป คิดอยู่ในใจว่า ... ต่อไปถ้าจะพูดอะไร จะต้องตรึกตรองให้
รอบคอบ เราเป็นพระจะพูดเล่นๆ นั้นไม่สมควร 
เมื่อตำหนิตัวเองแล้ว อดที่จะนึกไม่ได้ว่า ... ตัวเลขมันวิ่งมาให้เราเห็นได้อย่างไร ?? เฮ้อ ! ... อัศจรรย์อยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดก็บอกตนเองว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ "ช่างมันเฮ๊อะ"

ที่มา : จากหนังสือที่พึ่งหนึ่งเดียว