คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

บุคคลพ้นทุกข์ด้วยปัญญา ปัญญาอันดับแรกเลย คือให้หาตัวเองเลย เราคือใคร เรานี่มันเป็นใคร

  • 2024,Nov 21
  • 3085

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลพ้นทุกข์ด้วยปัญญา ดังนั้นเรามาประพฤติปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า เพื่อต้องการจะทำปัญญา ปัญญาอันดับแรกเลย คือให้หาตัวเองเลย ค้นตัวเองเลย เราคือใคร เรานี่มันเป็นใคร

...

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ตับ ไต ไส้ ม้าม ปอด สวดอยู่ท่องอยู่นั่นคือต้องการจะให้รู้ว่าเราเป็นใคร สวดบ่อยเข้าบ่อยเข้า วันหนึ่งปัญญาเกิด หาเราไม่เจอหรอก เพราะที่สวดมาไม่มีเราเลย ปับผาสัง-ปอด อันตัง-ไส้ใหญ่ อันตะคุณัง-ไส้น้อย ครบสามสิบสองแล้ว มัตถะเก มัตถะลุงคัง-เยื่อมันสมองในกะโหลกศีรษะ เอ๊าแล้วอิไหนตัวกูล่ะเนี่ย ไม่มีเลย แล้วตรงไหนเรียกว่าเรา ที่กล่าวมาแต่ละกองละกอง อวัยวะทั้งหมดเลย แล้วไหนเราอยู่ไหน ตัวตนมันอยู่ไหน ฉันเป็นคนชั้นนั้น ฉันเป็นคนชั้นนี้ ฉันเป็นเลิศอย่างนั้น เป็นดีอย่างนี้ ไหนตรงไหนมันดี

...

ตับ ไต ไส้ ปอด มันดีอย่างไง

อาหารใหม่อาหารเก่ามันหอมกว่าของคนอื่นอย่างไง

ขี้หู ขี้ตา ขี้ฟัน มันเลิกไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมันยังไหลอยู่ มันยังมียังเหม็นอยู่ ไหน แล้วตรงไหนเป็นตัวเราตัวฉัน

นี่ไง ปัญญาเกิดมันจะเห็นอย่างนี้นะ ที่ให้เราสวดกันทุกวัน

...

ถ้าปัญญาไม่ถึง เอาอีกแล้วบทนี้อีกล่ะ พอหลับตาว่าได้ไม่ต้องดูตัว แหมโอ้โหแซงรึ่ม รึ่ม ด้วยซ้ำไป ฉันแม่นแล้ว ฉันสวดจนคล่องแล้ว เอาไปเป็นกิเลสเสียอีกแนะ เขาให้เอาไปเป็นปัญญา ไม่ใช่เอาไปไว้อวดไว้โอ้กัน เอาไปไว้แซงหน้าแซงหลัง ไม่ใช่ เอาไว้ทำปัญญา สวดเพื่อทำปัญญาคืออันนั้น

...

ปัญญาอย่างไร ?

เห็นความจริงแล้วปล่อยวาง

...

สวดมาหลายวันหลายเดือนสวดมาเป็นปีแล้วก็มีอยู่แค่นี้ ถ้าคิดทางโลกเป็นไงโอ้สวดซ้ำๆ อย่างนี้ครึ่งพุงแล้ว นั่นแหละแสดงว่ายังไม่ฉลาด สวดถึงขั้นนั้นแล้วยังกล่าวประโยคนี้ แสดงว่ายังไม่ฉลาด ถ้าฉลาดแล้วเป็นอย่างไง บอกได้อาศัยบทนี้แหละเป็นคนมาได้เรา เข้าใจบทนี้นี่แหละถึงฉลาดขึ้นมาได้เรา โอ้ ตอนนี้มันจะสวดด้วยความนอบน้อมเลยเน้อ ไปเจอก็จะบอก นี่ๆ สำคัญ สำคัญ

...

แกรู้ไหมบทไหนสำคัญ

ไม่รู้หรอก

โอ้บทเด็ดๆ อะไรไม่รู้

ไหนล่ะไหน ขอดูหน่อยสิ

ฮึ ไม่เคยดูไม่เคยว่าก็แล้วไป

ปฏิบัติมากี่ปีแล้ว บวชมากี่ปีแล้ว

เท่านี้ เท่านี้ เฮ้ย อะไรกันยังไม่รู้อีกของเด็ดอยู่ตรงไหน

แหมอยากจะรู้ของเราแย่เลย งัดให้ดูเลย

เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ

...

ฮื้อ มันฮื้อเลย สวดได้แล้วอินี้

เอ๊า สวดได้ยังไม่เห็นว่าเด็ดอีกเหรอ

ก็ปกติ ก็เหมือนบทอื่นๆ ทั่วไป บทโน้นเสียอีกยาวจำยาก กำลังจะเอาให้ได้อยู่นี่

...

โชว์กิเลสใหม่เข้าไปอีก เนี่ยประเภทอย่างนี้มันบ่งบอกถึงปัญญาเลยนะ ได้ขั้นนี้ล่ะเนอะ เข้าถึงได้แค่นั้นล่ะเนอะ ยังไม่สลดสังเวชเลยเนอะ ที่สวดเพื่อจะให้สลดสังเวชแล้วเกิดปัญญา แล้วนิสัยโอ้อวดอย่างนั้นจะต้องหายไป ถ้าได้ผล วันๆ จะบ่นอยู่อย่างเดียว เบื่อ เบื่อสังขาร เจอหน้าไม่มีเรื่องอะไร เบื่อมันเหลือเกิ้นนนน เบื่ออะไรท่าน เบื่อไอ้ถังเนี่ย ถังอุจาระถังปัสสาวะเนี่ย ไปไหนมันก็ไปด้วย เราจะไปโก้ๆ สักหน่อยนึง ไม่ได้อีก ถอดเก็บก็ไม่ได้ ไม่ให้มันไปก็ไม่ได้ เบื่อเหลือเกิน

...

โอ้โฮ เบื่อนี่เบื่อแท้เลย แหมถ้าใครมองเห็นปัญญาตรงนั้นขึ้นมา นั่นแหละของแท้ แสดงว่าองค์นั้นถึงล่ะ ถึงไส้ถึงพุงล่ะ ถึงอย่างนี้ มันไม่โก้เลยที่จะต้องแบกมันไปด้วย อาหารใหม่ อาหารเก่า เอาไปโชว์กับใครไม่ได้หนักเปล่าๆ ออกก็ไม่ออกฮึ ทะเล็ดทะลอดออกมาภายนอกเหม็นอีก เหม็นกลบบ้านกลบเมืองเลย ให้สวยให้งามอย่างไร ลองเอากลิ่นมันป้ายติดเสื้อติดกางเกงไปเถอะ คนหนีกันหมด ใครเจอใครเห็นก็รังเกียจ

...

พอเห็นคนอื่นรังเกียจ บอกไม่โกรธเธอเลย ฉันรังเกียจของฉันมากกว่าแกอีก มากกว่าอีก แต่ฉันหนีไม่ได้ ไปไหนมันก็ไปด้วย ไม่อยากเอามันไปหรอก เกิดมาบุญน้อยต้องมีกายลากถังเยี่ยวถังขี้ถังเหม็นไปด้วย บุญฉันน้อย เกิดทั้งทีก็ได้แค่นี้ ได้มนุษย์ภูมิเนี่ย ต้องลากมันไปด้วย ถ้าถอดเก็บได้ แน่นอนฉันจะไม่พามันไปไหนเลย จะอับจะอายจะฝังมันไว้ให้มิดชิดเลย แต่นี่มันทำอย่างนั้นก็ไม่ได้อีก เนี่ยฝืนใจจำจิตจำใจอยู่กับมันทุกวัน เธอคิดว่าฉันชื่นชอบตัวฉันเองเหรอ เปล่า ทว่าใครจะมารังเกียจฉัน ฉันไม่โกรธเลย ไม่ว่าอะไรด้วย ถูกแล้วแก ฉันเองยังรังเกียจตัวเองเลย มองไม่เห็นความดิบความดีอะไรของกายมันเลย

...

วันหนึ่งเสียเวลากับมัน ต้องคอยล้างคอยเช็ด เช้ามาล้างหน้าแล้ว นอนอยู่ในห้องในหับไม่มีฝุ่นเข้าไปหรอก ก็สกปรกมันซึมออกมาจากข้างในนั่นแหละ แล้วข้างในเองมันจะขนาดไหน เนื้อหนังมันกลั่นกรองไว้ชั้นหนึ่งแล้ว ยังออกมาเหม็น แค่ซึมมานะ ตรงๆ มันจะขนาดไหน นี่คือปัญญา

...

อย่าไปเก่งปัญญาวิชาอื่นเน้อ เก่งปัญญาวิชากายนี่แหละ เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์นำมาเป็นเรื่องชูธงในพุทธศาสนาทั้งสิ้น ไม่เคยจัดไว้อันดับท้ายๆ รองๆ ไม่มี มาอันดับหนึ่งเลย กาย กายคตานุสสติ มีสติระลึกนึกถึงกายไว้เถอะ นั่นแหละวิชาเอก

...

หลงตัวเย่อหยิ่งจองหองก็เพราะลืมกาย เสียผู้เสียคนก็ลืมกายนี่แหละ ทุกข์ทรมานอยู่ทั้งหลายก็เพราะกายนี่แหละ เพราะลืมกาย ใช้กายไม่เป็น แขนดีมือดีก็ทำชั่วเสียนี่ เสียงดีไม่บอดไม่ใบ้ไม่หนวก ก็ใช้ความสมบูรณ์ของสังขารร่างกายทำชั่วเสียนี่ ผลที่สุดมันก็เลยตกต่ำไปอีกแล้ว

...

เขาให้เครื่องมือมาดีๆ ทั้งนั้น แต่ใช้เครื่องมือผิด ใช้เครื่องมือไม่ถูก ใช้ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ไม่เป็น กระดูกสามร้อยท่อนอุตส่าห์มาเรียงมาต่อกันไว้ ให้หยิบให้จับ ให้เลี้ยวให้หันได้ เลี้ยวไปทำชั่วหันไปทำผิด ไม่รู้จักกาย ใช้กายไม่เป็น ไม่ถูก ขาดปัญญา ก็เลยเรียนวิชากายนี้ไปให้ช่ำชอง คิดทุกแง่ทุกมุม คิดลงกายหมด คิดลงที่กายนี้หมด

...

มันจะฉลาดหรือจะโง่อยู่ตรงนี้ แตกฉานในเรื่องกายหรือยัง ถ้าคนที่แตกฉานในเรื่องกาย นี้ไม่ต้องกลัวเลยนะ ว่าจะฉลาดไม่ทันโลก จะอยู่กับโลกไม่ได้ จะเป็นที่รังเกียจของโลกของสังคม นี่ไม่มีทางเลย เดี๋ยวเถอะจะเป็นที่ชื่นชมของทางโลกด้วยซ้ำไป มีแต่อย่างนั้น มันคือสติปัญญาทั้งหลายทั้งปวง ถ้าใครรู้จักเรื่องกาย วิชากายนี่แตกฉานจริงๆ นะ แตกฉานในทุกแง่ทุกมุมของเขาล่ะก็ นั่นแหละคนฉลาด

หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2554