จิตเปรียบเหมือนเรือ ปล่อยมันไปตามยถากรรมในแม่น้ำ มหาสมุทร มันก็ลอยอยู่อย่างนั้น ไม่มีการจม จะไปลอยอยู่ในห้วยในบึงก็ไม่จม ไปลอยอยู่ในแม่น้ำ กลางทะเล มหาสมุทรก็ไม่มีการจม ไอ้เรือจิตเรือวิญญาณดวงนี้นะ ไม่จมหรอก คลื่นซัดอย่างไรก็ไม่ล่ม มันยอดอย่างนั้นเลยนะจิตดวงนี้ ไม่มีการตาย ไม่มีการบุบสลาย แต่มีการเจริญมีการเสื่อม มีการรับผลดี (เจริญ) มีการรับผลชั่ว (เสื่อม) ให้ชั่วถึงขนาดไหน เกิดมาทั้งชาติชั่วตลอดชาติ ยากเข็ญตั้งแต่เกิด ตายไปก็ยังไม่ได้ตำแหน่งเศรษฐี ก็ตายในตระกูลยากเข็ญนั่นแหละ แต่จิตมันก็ไม่เคยตาย
...
โอ้ยากเข็ญถึงเพียงนั้นแกยังไม่ตายอีกเหรอ ไม่ตาย ไม่มีการตาย ให้ลำบากยากเข็ญอย่างไรก็ไม่ทำให้มันสูญสลายไปไหนได้ มันก็อยู่กับเขาได้ แต่อยู่แบบยากเข็ญ อยู่แบบทุกข์ลำเข็ญ จะเห็นว่าคนที่มีความทุกข์อายุยืนก็มี นั่นแหละที่ว่าจิตไม่มีการตาย โอ้ลำบากขนาดนั้นตายเสียดีกว่า ไม่เห็นตาย ไอ้คนที่มีความสุขตายแซงมันเอา แซงมันเอา
...
เอ๊ะ มีความสุขไม่น่าจะตายเลย มีความสุขน่าจะอยู่ต่อเถอะ อยู่แทนไอ้คนที่มันทุกข์ลำบากนั่นก็ยังดี แทนก็ไม่ได้ อย่างนั้นไอ้ที่มันอยู่ต่อกันได้นี่ ไม่ใช่เพราะมีความสุข และไอ้ที่ตายไปก็ไม่ใช่เพราะมีความทุกข์หรอกนะ แยกแยะล่ะ แยกแยะฐานะสมมติทางโลกกับความเป็นจริงของจิตวิญญาณ จิตดวงไหนๆ ก็ต้องตาย
...
เกิดเป็นคน คนไหนๆ ก็ต้องตาย ตายตัวนี้คือตายตามประเพณีโลก แต่มันไม่ได้ตายหายไปจากจักรวาล มันไม่เคยตาย มันไปโผล่ที่อื่นอีกแล้ว ตายจากมนุษย์ไปโผล่เทวโลกก็ได้ ตายจากมนุษย์ไปโผล่ในเปรตก็ได้ ตายจากมนุษย์ไปนอนในครรภ์ของสุนัขก็ได้ จิตดวงเดียวกันนี้ เจ้าของบังคับบัญชามันไม่ได้หรอกหรือ เอ๊า ก็มันบอกปล่อยไปตามยถากรรมอย่างไรเล่า เรือที่ไม่มีหางเสือฉันใด ก็เปรียบเหมือนคนที่ปล่อยจิตวิญญาณไปตามยถากรรมฉันนั้น คืออันนั้น
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓