ธรรมะป่า วิบากกรรม

ธรรมะป่า วิบากกรรม ธรรมะป่า วิบากกรรม

ตอนที่เข้าป่า ได้ทราบข่าวว่าสัตว์ทั้งหลาย อมุนษย์ทั้งหลายพูดภาษาคนกันไม่รู้เรื่อง ได้ข่าวมาว่ามันจะทำร้ายเอาได้อย่างง่ายดาย คือคนที่มีบาปหนา ทำชั่วมามาก ถ้าว่าทำดีมามากก็อุ่นใจว่าคุณของความดีช่วยคุ้มครองอะไรเราบ้าง นั้นแหละต้องไปเจอกับอมนุษย์ ดิรัจฉาน อสรพิษ สัตว์ดุร้าย เปรต ผี คุยภาษากันไม่รู้เรื่อง เทพเทวดายุติธรรม จะอ้อนวอนติดสินบนกันไม่ได้ ให้ไปเอาของจริงทั้งนั้นเลยนะ แต่ละที่ที่พระพุทธเจ้าชี้ให้ไปถ้ำ กองฟาง เรือนร้าง ป่าช้า ป่าดิบ ป่าชัฏ ที่นั้นไม่มีคน ไม่มีมนุษย์ มีแต่อมนุษย์ เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง เอาความจริงนั้นสู้กัน กล่อมไม่รู้เรื่อง คารมใช้ไม่ได้ ต้องเอาความจริงอย่างเดียวจริงใจ ไปคุยกับแมลงวันแมลงหวี่รู้เรื่องหรอ 

...

เฮ้อ ! นี่พระนะ มึงอย่าตอม ไม่รู้เรื่องหรอก ! มันตอม เอาจนมุดอย่างกะหมา เลยเนี่ย นู้น ! ที่ป่าทุ่งใหญ่ ถ้ามุดเหมือนหมา นี่ๆ พระสุรเชรษฐก็เหมือนหมาด้วย ไปมุดด้วยกัน อื้มๆ รถไปเสียที่กลางทุ่งใหญ่นี่แหละ ฝนตกด้วย อุ๊ย ! แมลงอะไรก็ไม่รู้ มาตอมวะ มากันยกกันใหญ่ คุยไม่รู้เรื่อง แผ่เมตตาก็ไม่ฟัง เอากะมันซิ ไอ้เราก็บอกมันเชื่อธรรมะอะไรเนี่ย มุดเน้อ มุดแล้ว  ก็เอาจีวรคลุม พอพิจารณาธรรมดู มันเลยบอกว่า “ป่า” ไง

...

ถ้าคุยรู้เรื่องจะเรียกว่า ป่าหรอ แกทำวิบากมา จะต้องถูกตอมให้รำคาญ เมื่อแกรับการรำคาญนี้ได้ก็หมดกัน จบกัน เออ ! จะให้รับกรรมหรอ ? งั้นรับก็รับ แกคิดว่าแกไม่เคยไปตอมคนอื่นมาก่อนหรอ ตอมคือกวน ไม่เคยไปรบกวนคนอื่นไง เคยวะ ! เคยพอรู้เรื่องก็ปล่อยให้ตอมไป แต่คลุมผ้านะ มุดเป็นหมาจริงๆ คิดว่าจะรอดไม่รอดหรอกโผล่ออกมา โดน ! เลยคลุมอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง แล้วมันก็หายไป พอหายไปก็คิดว่า คงหมดวิบากแล้ว พิจารณาอย่างนั้นก็ว่า “ใช้กรรม” พอมันเกิดอะไรขึ้นกับเราที่จำจะต้องอดทน คือการใช้กรรม ให้ยินดีใช้กรรม กรรมจะหมดเร็ว อะไรที่มากระทบจิต กระทบใจ โดยที่เราไม่ปรารถนาทั้งหลาย เราถือว่าเราได้ใช้กรรม ถ้าไม่ยินดีใช้กรรม ก็ไม่หมด โมโหก็ไม่ได้ ต้องเต็มใจใช้นะ ถึงจะหมดเร็วกว่า  

ที่มา : จากหนังสือธรรมส่องทาง