คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์ จะเกิดมาชนะใคร

  • 2024,Nov 21
  • 3587

พระพุทธเจ้าท่านบอก การฝึกตนเพื่อจะให้อยู่กับโลกได้ ที่เราฝึกตนกันอยู่นี่ก็เพื่อจะอยู่กับโลกให้ได้ เพราะในการที่เราฝึก มันมีทั้งขันติความอดทน ทั้งสติคือจะต้องอยู่โดยไม่พลั้งเผลอ อยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่ด้วยการระลึกนึกได้ ไม่ใช่แบบเพ้อๆ

...

สติเป็นสิ่งสำคัญ ยุคเปลี่ยน อุณหภูมิเปลี่ยน เหตุการณ์เปลี่ยน จิตใจคน จิตใจสัตว์ก็เปลี่ยนตาม พอคนพอสัตว์เขาเปลี่ยนไปอย่างไร เราในฐานะที่ฝึกสติไว้ ก็จะต้องตามรู้ในการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ไม่ให้มันหวั่นไหว ไม่ให้กระเพื่อมทุรนทุราย ท่านก็เลยบอกวิธีที่จะอยู่กับโลกให้ได้ ซึ่งมีอยู่ในวัตร (ข้อประพฤติ) ปฏิปทา (ข้อปฏิบัติ) ทั้งหลายเหล่านี้ เป็นลักษณะของการอยู่แบบไม่ทุรนทุราย ถ้าอยู่แบบกล้าหาญแบบทางโลกก็คือไม่กลัวบาป ไม่กลัวความชั่ว ใจถึงดุดัน ไม่ยอมกันละกัน ตายก็ตาย เป็นก็เป็น อย่างนั้นเรียกดุดัน

...

เป็นกล้าหาญที่ปราศจากธรรมะ คือปราศจากกุศล อย่างนั้นไม่เรียกว่าเก่ง กลับเรียกว่าไม่เก่ง เรียกว่าโง่ด้วยซ้ำไป ถูกอวิชชาครอบงำ กล้าในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง กล้าในเรื่องทำชั่วทำผิด ถึงจะชนะก็เป็นการชนะที่เป็นบาป ชนะแล้วตกนรก ชนะแล้วลงอบาย จะเรียกว่าชนะได้อย่างไร ?

...

คำว่าชนะของพระพุทธเจ้า หมายถึงชนะในทุกโลก เมื่อตายไปสู่ปรโลกก็ไม่อายใคร อยู่บนเมืองมนุษย์ก็ชนะใจตัวเอง นี่แหละเป็นจุดใหญ่ อย่าคิดเอาชนะใจคนอื่น มันจะเป็นการเห็นแก่ตัว มันจะเป็นการข่มขี่คนอื่น ชื่อว่าคนอื่นๆ เราไม่ควรชนะ อย่าคิดว่าเราชนะ ใช่เราอาจจะดีกว่าเหนือกว่า ในหลายๆ อย่าง ในบางเรื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อื่น เช่น เรามีที่อยู่ที่กิน บนโลกใบนี้มีคนที่ไม่มีที่อยู่ที่กินก็มี อย่างน้อยเราก็ดีกว่าคนเหล่านั้น แต่การที่เราดีกว่าเขา อย่าคิดว่าเราเก่ง อย่าคิดว่าเราอยู่เหนือ แล้วก็อย่าคิดว่าเขาด้อย หรือว่าเขาไม่เก่ง จะเป็นการคิดที่ผิด

...

แต่ให้เราเข้าใจว่า โลกใบนี้มันต้องมีคนด้อยมีคนเด่น คนที่เด่นคือคนที่เสวยความดีที่ทำมา คนที่ด้อยคือคนที่สร้างบุญมาน้อย ทำบารมีมาน้อย ก็แค่นั้นเอง รู้แล้วก็ตัดสินกันตรงนั้น แต่เราไม่ได้เอาตัวเราไปเทียบว่าเราเก่งกว่า เขาด้อยกว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นการเทียบตน เป็นมานะคือเป็นความถือตน ดังนั้นให้คิดตามเป็นจริง แต่อย่าคิดว่าเราชนะเขา ถ้าเขาทำบุญมากกว่าเราเมื่อไหร่ เราก็ต้องด้อยกว่าเขา ชาติอื่นๆ เราไม่มีโอกาสได้สร้างบุญ แต่เขามีโอกาสเขาก็พร้อมจะเหนือกว่าเราแซงเราจากชาตินี้ไปก็ได้

...

ดังนั้นคำว่าชนะแท้ที่จริงแล้ว มันไม่มีการว่าใครชนะใคร เพราะการใช้ชีวิตไม่ใช่การแข่งขัน การมีจิตมีวิญญาณมีสังขารร่างกายนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อแข่งขัน แม้ตอนเราเกิดเราก็ไม่ได้หวังที่จะมาดีกว่าคนโน้น มาให้เหนือคนนี้ เราไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยที่มาเกิดนี่ แต่เราหวังว่าสถานที่เราไปเกิดนี้ ขอให้มีที่สร้างบุญที่สั่งสมบารมี ที่จะทำความดีให้มากขึ้น ขอให้พบให้เจอกับคำสอนที่ถูกตรง นั่นก็คือ พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ขอให้เจอผู้นี้ ขอให้เป็นยุคสมัยที่มีการสอนให้ถึงการเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

...

นั่นแหละความตั้งใจจริงๆ ที่มาเกิด หมายถึงอย่างนั้น ถ้าเราไม่ทราบเช่นนั้น เราก็จะเป็นความคิดแบบอื่น คิดว่าเกิดมาเพื่อจะชนะคนนั้น เพื่อจะเหนือคนนี้ เราจะต้องไม่แพ้ไอ้นั่น เราจะต้องไม่แพ้ไอ้นี่ ชีวิตก็เลยอยู่กับการอิจฉาริษยา ข่มขี่ ตะเกียกตะกาย เหยียบบ่าเหยียบหัวขึ้นไปยืนอยู่สูงกว่าคนอื่น เขาเรียกข่มขี่ผู้อื่น หรือมีมานะถือตัวถือตนกว่าคนอื่นๆ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่ากำลังทำบาปกับตัวเอง อย่าว่าบาปกับคนอื่นนะ คนที่ถูกเหยียบถูกข่มขี่ ถูกเอารัดเอาเปรียบเขาไม่ได้แพ้นะ เขาไม่ได้แพ้เราหรอก เขาก็ยังคงเป็นเขาอยู่นั่นแหละ

...

เขาอาจจะรู้ว่าตอนนี้กำลังถูกเหยียดหยาม กำลังถูกกดขี่ดูหมิ่น กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบ รู้ แล้วเขาทำอย่างไร ? เขาก็เฉยๆ อยู่ ถ้าเขาไม่ได้คิดที่จะตะเกียกตะกายคืน ข่มขู่คืน เอารัดเอาเปรียบคืน ถือว่าคนที่ถูกกดขี่นั่นเสียอีก มีบุญ มีความดี มีความดีตรงไหน ? ก็ตรงที่คิดไม่โต้ตอบ คิดไม่ทะเลาะวิวาท ไม่เอาชนะคะคาน นั่น แสดงว่าเขามีขันติ มีความอดทน มีโสรัจจะ (ความสงบเสงี่ยม) กลับมีความละอายที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งโต้เถียง เขามีคุณธรรมเป็นสมบัติ ตรงนี้แหละที่ผู้มีธรรมะผู้ประพฤติธรรม จะมีความคิดเหมือนกัน

...

อย่าหาว่าพระเทศน์อ่อน เทศน์หย่อนยาน เทศน์ให้ไม่โต้ตอบใครๆ โอ้…อย่างนี้มารก็จะชนะไปกันใหญ่สิ การคิดอย่างนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ (คิดผิด) เพราะมันตรงกันข้าม การที่เราอยู่โดยสงบเสงี่ยม โดยการไม่โต้ตอบ ไม่ทะเลาะไม่หักวาทะใดๆ นี่เท่ากับมีขันติความอดทน มีธรรมะ รู้จักอดกลั้นข่มจิตข่มใจ มันไม่ใช่คือการว่าโง่ ไม่ใช่เป็นการย่อหย่อนด้วยปัญญาที่จะโต้ตอบ ไม่ใช่ ถ้าเราคิดอย่างนั้นคนทั้งหลายถึงได้หาวิธีการที่จะหักวาทะ ที่จะโต้ตอบโต้แย้ง เพราะคิดผิดมันถึงได้เป็นอย่างนั้น

...

ถ้าคิดถูกต้องตามธรรมะ ตามความเป็นจริงแล้ว บอกไม่เกิดประโยชน์จากการหักวาทะ จากการทะเลาะวิวาท จากการชนะคืน ไม่ เพราะบอกแต่แรกแล้วว่า เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะเกิดมาชนะใคร ...

บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒