คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

ในเมื่อเราคือเรา ทำไมจะปราบกิเลสเราเองไม่ได้เล่า ?

  • 2024,Mar 28
  • 2547

การนั่งข่มทุกขเวทนา ได้บุญ เดี๋ยวจะบอกฉันไม่นิ่งไม่สงบ ไม่ได้ลงสมาธิลึกๆ ปวด หาย ปวด หาย ขยับบ้างไม่ขยับบ้าง / จะได้บุญไม๊ / ได้ / มันก็ได้แบบขยับนั่นแหละ ได้แบบปวดบ้างเมื่อยบ้าง แต่มันก็ทนอยู่ได้ ใช้ได้ นั่นก็บุญ อย่าเลิกก็แล้วกัน ถึงปวดถึงเมื่อยก็อยากเลิกก็แล้วกัน ถ้าไปนั่งเองอยู่กับบ้านก็เอานาฬิกาเป็นนาย ไม่ครบชั่วโมงฉันไม่ลุก จะบิดจะเอียงอย่างไรอนุโลมมันไปก่อนตอนต้นๆ พอนานเข้านานเข้า แม้บิดแม้เอียงก็ไม่อนุโลมต้องตรงอย่างเดียวเท่านั้นหกสิบนาที นับหนึ่งถึงสามพันหกร้อยก็ได้ นั่นแหละหกสิบนาที หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า นั่งนับไปเรื่อยๆ เอาตัวเลขมาเป็นเกณฑ์ ให้จิตไปจดจ่ออยู่ตรงคำนับคำบวก หลอกมันได้จนครบชั่วโมงเหมือนกันในท่านั่ง โอ้ เราเอาแม้กระทั่งอย่างนี้เน้อ ตอนนั้นหวังผลประสงค์ผลคืออยากให้นั่งอย่างเดียวตลอดให้ได้หนึ่งชั่วโมง เรายังไม่ปรารถนาที่เอาฌานลึกฌานกลางอะไรทั้งสิ้น

...

ในเมื่อเราคือเรา_ทำไมจะปราบกิเลสเราเองไม่ได้เล่า รู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ตรงไหน นั่นแหละ หาอุบายเอาชนะตัวเองให้ได้ ชนะคนอื่นชนะปลอม ชนะที่แท้จริงคือชนะตน และ ชนะชนิดนี้ไม่มีการกลับไปแพ้อีก ชนะคนอื่นวันอื่นเขาแข็งแรงอาจจะชนะเราคืนก็ได้ กำลังวังชาเราถดถอยลงในวันข้างหน้า จากผู้ชนะกลายเป็นผู้แพ้แล้วเมื่อแก่เมื่อเฒ่า แต่ถ้าชนะตนเองแล้วนี่ เมื่อชนะแล้วไม่เคยต้องกลับไปแพ้อีก ชนะตัวเองว่าจะไม่ทำบาปใดๆ อีก นี่แหละจะไม่ประพฤติชั่วนั่นเอง ผู้ที่ไม่ประพฤติชั่วเด็ดขาดแล้ว เขาเรียกผู้นั้นว่าอรหันต์ หรือ อะระหะโต แปลว่า คนที่ไกลจากกิเลสแล้วโดยสิ้นเชิง

...

ดูได้จากอย่างไรหรือ ดูได้อย่างง่ายๆ เห็นชัดๆ เลยว่าเขาไม่ทำชั่วแล้ว ไปหาชั่วทางกายก็ไม่มี ไปหาชั่วทางวาจาก็ไม่มี ชั่วทางจิตทางใจ มานั่งคิดลามกจกเปรต มานั่งคิดสาบแช่ง อาฆาตพยาบาทจองเวรผู้อื่นๆ อยู่ / ไม่มีแล้ว ถ้าใครที่เป็นอย่างนััน นั่นแหละเขาเรียกคนดี คนที่ไกลแล้วจากกิเลสโดยสิ้นเชิง เขาเรียกอรหันต์ ...

หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557