ธรรมะของพระพุทธเจ้ากินความหมายบางทีกว้าง กิเลสมันก็กินความหมายกว้างเหมือนกัน ธรรมะที่ไปปราบต้องพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่ต่างกัน แกกล้าทำชั่วฉันก็กล้าทำดี ชาตินี้แกจะทำแต่ชั่วฉันก็จะทำแต่ดี ประกาศตนเป็นฝ่ายปฏิปักษ์กับมันบ้างสิ ไม่รู้ใครจะว่าเราดีเราชั่วจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรไม่รู้ แต่เราตั้งของเราไว้เลยชาตินี้ฉันจะทำแต่ดี แต่เมื่อทำดีแล้วใครจะมองว่าชั่วอย่างนั้นอย่างนี้ช่วยไม่ได้ มาเข้าใจอย่างนั้นเอง เฮ้ย แกไม่รู้ในจิตในใจฉันวางไว้แล้วฉันจะทำแต่ดีเท่านั้น ให้ประกาศอย่างนี้อยู่ในจิตในใจ พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ ยืนกระต่ายขาเดียวของเราเข้าไว้ ยืนสัจจะบารมี อธิษฐานบารมีของเราเข้าไว้
...
ใครจะว่าเราโง่มาหลงใหลกับคำว่าบารมี โน่นๆ อยากได้บุญเขาหลอกมาว่าเป็นทานบารมี นั่นดูสินั่น ช่างมัน ใครจะว่าโง่แบบนี้ก็ช่างมันเถอะ มันมีมนุษย์อย่างนี้ ถ้าจะบ้าขอให้มันบ้าสร้างบารมี นั่นๆ บ้าถือศีล ถ้าถือศีลจนกระทั่งคนมันว่าบ้า เมตตาจนกระทั่งคนมันว่าบ้า เนกขัมบารมีเดี๋ยวก็บวชเดี๋ยวก็บวชจนคนมันหาว่าบ้า เออ ดี มันบ้าบารมี บ้าเข้าไปเถอะ แล้วมันจะพ้นทุกข์ บ้าแล้วพ้นทุกข์ เอา ดีกว่าคนดีตกนรก ทำอะไรก็ถูกใจโลก ทำอะไรก็ถูกใจโลก ตายไปตกนรก ไม่เอาหรอกอย่างนั้นน่ะ
...
ถึงมันจะขัดใจโลกแต่มันคือบารมี_มันคือความดี ไม่ต้องการเหมือนกันที่จะให้โลกมาสรรเสริญ ถ้าเขาจะมองธรรมะว่าเป็นไม่ดี ก็ช่างมัน ไม่มอบโล่ห์ไม่ให้ถ้วยช่างมัน ไม่มอบยศให้ตำแหน่งช่างมัน บ้าก็ต้องบ้าให้เป็น คำว่าบ้าคือการที่เอาจริงเอาจังเด็ดเดี่ยว_มุมานะ มุทะลุให้มันทะลุกับกิเลสก็แล้วกัน ให้มันมุกับความเพียรก็แล้วกัน ขอยืมใช้คำว่าบ้า เอ๊า บ้าก็บ้า จะบ้าให้มันพ้นทุกข์เลย เออต้องอย่างนั้นสิ นี่ๆ แก ไอ้คนนี้ไปกันใหญ่แล้ว ข้างบ้านมันนินทา สังคมมันนินทาทำไมเล่า ไม่ยอมสุงสิงกับใครเลย มันบ้าตั้งแต่มันไปวัดนั้นมา ถูกล้างสมองมาไงไม่รู้ บ้าไปใหญ่แล้ว หนังไม่ดูละครไม่ดู ข้าวเย็นไม่กินไปกันใหญ่แล้ว นั่น ออ บ้าไปเถอะ ถึงบอกไง ถ้าทำจนคนมันว่าบ้า ปีติ เข้าป่าได้ผลล่ะ เรากลับคิดอย่างนี้
หลวงพ่อเฉลิมโชค_ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554