ทำดีต้องระมัดระวังให้มากมันจะติดดี
ดีน่ะมีไว้ให้ทำไม่ใช่มีเอาไว้ติด ก็เลยว่าวันๆ เราก็เลยคอยห้ามตัวเองนี่แหละไม่ให้หลงตัวเอง เมื่อมันไม่หลงตัวเองมันไม่ไปหลงใครๆ หรอก
....
พอจะว่าตัวเองดีกว่าใครก็มีข้อแก้ อวัยวะเท่ากันดีกว่าเขาได้อย่างไง เอาคำง่ายๆ นี่แหละมาคอยปรามไว้ วิเศษวิโส โอ้ ไม่ต้องกินข้าวใช่ไหมวิเศษแล้วเนี่ย วิโสแล้วเนี่ย ไม่มีการกระหายน๊งกระหายน้ำแล้วใช่ไหม ไม่มีปวดหนักปวดเบาแล้วเหรอ วิเศษวิโสน่ะ ถ้ามี ก็ถือว่าเท่ากันเถอะ คนเหมือนกันเถอะ มนุษย์ด้วยกันเถอะ นี่คือวิธีปราบของเรา
....
และเช่นกัน ใครจะคุยใหญ่คุยโตเหนือกว่าเรา ในจิตมันก็ไม่ยอมนะ มันก็จะถามอยู่ในจิตนั่นแหละ มันมีหัวใจพวงนึงเลยเหรอหมอนี่รู้สึกว่าใหญ่โตกว่าคนอื่นเหลือเกิน มันได้รับเครื่องในอวัยวะมามากกว่าคนอื่นหลายชุดมั่งเนอะ ดูมันโอหังเหลือเกิน มันคงไม่ต้องกินข้าวแล้วเนี่ยนะ อย่างนี้
....
พอเราถามไปอย่างนี้ในจิตในใจมันก็รู้ล่ะ อย่าไปกลัวมัน คนเหมือนกัน แกก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรไปกว่าฉันหรอก เนี่ย มันก็ไม่กลัวใคร
....
แล้วก็ไม่ได้ไปคิดนะว่าจะไปใหญ่กว่าใคร เอาปัญญาตัวเดียวกันนี่แหละมาถามตัวเอง แกมีหลายหัวใจเหรอแกถึงได้เก่งกว่าคนอื่นแกถึงคิดว่าแกมีดีกว่าคนอื่น แกไม่ต้องกินข้าวเหมือนเขาแล้วใช่ไหม แกนี่คือเทวดาแล้วเนอะ เหมือนเทวดาเนอะ ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องขัดขี้ไคลอะไรสิท่า ขี้ฟงขี้ฟันไม่มีล่ะนะ มีหมดล่ะ ในเมื่อมีหมดอ้าวแล้วทำไมคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นล่ะ คิดผิดม้าง
....
ปราบ มันต้องปราบด้วยปัญญาจริงๆ ไม่ได้แกล้งลบหลู่ดูถูกมัน เอาความจริงมาเป็นพื้นฐาน ทุกคนเดินอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเหมือนกันหมด ใครจะรู้ทางนิพพานก่อนกันแค่นั้นแหละ ถ้าว่าจะเหนือกว่ากัน คือตรงนั้น
หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
สำนักวิปัสสนาป่ากล้วย อุตรดิตถ์
22 กันยายน 2563