การรู้จักขอโทษ การเอ่ยวาจาขอขมา เป็นสิ่งที่จะโน้มนำจิตให้อ่อนโยน นอบน้อม และรู้จักเมตตา รู้จักให้อภัย เรายังขอความเมตตาให้คนอื่นให้อภัยให้ แล้วทำไมเราจะไม่ให้อภัยผู้อื่นๆ เราทำผิดกับเขา เราก็อยากให้เขาอภัย ถ้าเราไปทำผิดกับใคร หรือว่าใครมาทำผิดกับเรา เราก็พร้อมจะให้อภัย ไม่นานนักจิตก็จะบริสุทธิ์ ถ้าไม่ยอมอภัย ไม่ยอมขอขมา ไม่ยอมขอโทษ หรือเมื่อขอโทษก็ไม่ยอมให้อภัย ผู้ไม่ให้อภัยนั่นแหละจะบาปเสียเอง (ตามธรรมะ) ส่วนผู้ขอขมาพ้นไป ถึงแม้ว่าขอแล้ว แต่เขาไม่ให้อภัย ถึงไม่ให้…เธอก็พ้นแล้ว คนที่ไม่ให้นั่นแหละยังคงติดบาปนั้นอยู่ ตามธรรมะเป็นอย่างนั้น
...
เมื่อใครมาขอขมากับเรา เรามีหน้าที่ต้องให้อภัยอย่างเดียว บางทียังไม่อยากจะฟังว่ามันเรื่องอะไร ด้วยเพราะรู้อยู่ในใจแล้ว เออ…เออ…อภัย…อภัย ไม่เป็นไร อย่างนั้นจิตก็จะบริสุทธิ์ คนปฏิบัติธรรมไม่รู้ว่าจะต้องกระทำจิตเช่นนี้ ก็เลยพกความอาฆาตพยาบาทไว้คนละดอกสองดอก ก็ไม่บริสุทธิ์ได้สักที
...
ประเภทพวกที่ว่าเหมือนจิตแข็ง มีการประกาศไม่ยอมเผาผีกับผู้นั้นกับผู้นี้ คนๆ นี้ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ โอ้โฮ…ถ้าอย่างนั้นท่านจะต้องไม่บริสุทธิ์ไปจนตาย ไม่ใช่ว่าดีหรอกนะ คนนี้ใจช่างเด็ดจริงๆ คำไหนคำนั้น บอกว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ก็ไม่เคยที่จะให้อภัย ไม่เคยที่จะลดละ ตาต่อตาฟันต่อฟัน คนอย่างนั้นเขาไม่สรรเสริญ เขาไม่เรียกว่าคนใจเด็ด มันจะเป็นตราบาป เขาจะไม่มีวันบริสุทธิ์เลยจนตาย ข้ามชาติอีก ที่เราข้ามชาติมาเกิดอย่างนี้ ก็เพราะจิตต้องไปอาฆาตกับใครเขาไว้ จิตเราจึงไม่บริสุทธิ์ถึงต้องมาเกิด จะต้องมีคนที่อาฆาตเรา เราอาฆาตเขา เกิดมาแต่ละชาติก็มีคู่ฟัดคู่กัดตลอด จะมากบ้างน้อยบ้าง ที่บ้านบ้างที่ทำงานบ้าง มีระดับรอบเล็กรอบใหญ่ มีหมด ไปที่ไหนก็จะมีศัตรูอยู่ ที่โน่นคนโน้นที่นั่นคนนั้น ลูกพระพุทธเจ้า…เลิก ถ้าปฏิบัติเอาผล…เลิก จะไม่ขอเป็นศัตรูกับจิตดวงใด
...
ถือว่าจิตเราบริสุทธิ์แล้ว แต่ใครจะมาเป็นศัตรูกับเราหรือเห็นเราเป็นศัตรู ช่วยไม่ได้ รู้อยู่นะว่าเขาเกลียดเรา ช่วยไม่ได้ เกลียดไปข้างเดียวเฮอะ วันดีคืนดีเขาพร้อมจะพูดจะคุยด้วย ก็คุย คุยได้ตลอด แต่เมื่อรู้ว่าเขาเกลียด ก็ไม่อยากจะไปเป็นฝ่ายเตาะแตะเหยาะแหยะ หรือจะไปชวนพูดชวนคุย ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ เฉยซะ รู้ว่าเขาเกลียดเรา เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปคุยไปพูดอะไร แต่ก็เฉย ไม่ได้อาฆาต ไม่ได้จองเวร เพราะไปคุยแล้วเดี๋ยวจะทำให้เขาหงุดหงิด จะถือว่าไปเยาะเย้ยอะไรอีก สารพัด คนที่เกลียดเรานี่ เราไปทำดีเขาก็ยังไม่ว่าดี ก็เลยเฉย ตรงนั้นต้องใช้อุเบกขา
...
แต่วันใด คืนใด เรื่องใด ถ้าเขาเข้ามาหา มาพูด ต้อนรับขับสู้อย่างดีเลย สนทนาปราศรัย สงเคราะห์ พอที่จะกรุณาได้ไหม พอที่จะมุทิตา เอื้อเฟื้อได้ไหม พร้อมเลย ในฐานะที่ฉันจะเกิดเป็นชาติสุดท้าย จะทำให้งดงามที่สุด ปิดฉากของการเกิดมันต้องสมศักดิ์ศรี ถ้าพกไว้ต้องมาแก้ไขในชาติต่อๆ ไป ไม่พกเลย สำหรับผู้มุ่งมั่นนิพพาน
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕