คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

หัวใจใครหัวใจมัน ดวงจิตใครดวงจิตมัน อย่าหาความขุ่นมัว ความเศร้าหมอง ไปทำร้ายจิตตัวเองเน้อ

  • 2024,Nov 20
  • 3099

วัตถุประสงค์ของพระองค์มีอย่างเดียวคือเธอจะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีอุปทานในของใช้เหล่านี้ ในร่างกายสังขาร อวัยวะเหล่านี้ ถ้าเธอถอนอุปทาน ถอนการยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้ได้ เธอก็จะนิพพาน วัตถุประสงค์คือ เธอจะนิพพาน หมดอวิชชา หมดตัณหา หมดอุปทาน หมดสามสิ่งนี้เข้านิพพานได้ จิตสงบเย็นนั่นเอง จิตจึงจะสงบเย็นได้ ถ้าอีกหลายๆ เรื่องเธอยังไม่รู้ ไม่หลงยึดติด ถือผิดอะไรต่างๆ ทั้งหลาย เรียกว่าเธอยังมีอวิชชา

...

อะไรควรปล่อยควรวาง อะไรควรแสวงหาขวนขวาย เธอยังไม่รู้เลย ว่านี่คือบาปนี่คือบุญ เธอยังมีอวิชชา เธอยังอยาก ยังมีตัณหา อยากได้ อยากมี อยากได้คนโน้นคนนี้ อยากมีทรัพย์ชื่อนั้นชื่อนี้ อยากเป็นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ เขาจึงเรียกรวมๆ อยากได้ อยากมี อยากเป็น คือตัณหา ตัณหาแปลว่า ควรทะเยอทะยานอยากในสิ่งที่ยังเป็นกิเลสอยู่ ทำไมไม่ทะเยอทะยานอยากที่จะพ้นทุกข์ อยากที่จะปล่อยวาง อยากที่จะสละล่ะ อันนั้นจึงจะถูกจะควร แต่นี้สิ่งที่อยากมี อยากเป็น อยากได้อยู่ ล้วนแต่เป็นฝ่ายของกิเลสทั้งนั้น ยังไม่สงบเย็น แล้วมันเป็นจริงไหมที่ไม่สงบเย็น คนที่ยังอยากได้สิ่งเหล่านั้นอยู่ อาจจะเถียงฉันก็สงบดี ฉันก็เป็นสุขดี เย็นใจดี เมื่อมีความปรารถนา อยากมี อยากได้ อยากเป็น แล้วมันได้มีได้เป็นขึ้นมาฉันก็สุขใจดี แล้วตอนที่ไม่ได้ตามที่อยากล่ะ มันก็จะทุกข์ อ้าวก็ฉันได้ตามที่ปรารถนาหมด

...

ถึงแม้ได้ตามปรารถนาหมด แต่สิ่งที่ปรารถนานั่นน่ะ ล้วนแต่เป็นกิเลสก็มี และส่วนที่เป็นกิเลสก็จะส่งผลให้ทุกข์อยู่ดีในภายหน้า หรืออย่างเร็วก็ชาตินี้ อยากเป็นนั่น อยากได้นี่ ได้เป็นนั่น ได้เป็นนี่จริงๆ เป็นไง ? ทุกข์ เยอะแยะทุกข์ ลำบาก ก็มีเห็นไหม ได้ไปแล้วเป็นทุกข์เห็นไหม เพราะสิ่งที่ต้องการแล้วได้ไปมันยังเป็นกิเลสอยู่ เป็นเครื่องที่จะทำให้จิตใจเศร้าหมองได้อยู่ทุกเมื่อ อย่างเร็วภายในชาตินี้ ภายในเร็ววัน อย่างช้าภายในวันข้างหน้าหรือชาติหน้า ส่งผลข้ามภพข้ามชาติก็ได้ ในฤทธิ์ของความอยากเหล่านี้ ใช่แต่เฉพาะปัจจุบันชาติเน้อ ข้ามอีกด้วย ให้ได้ไปทุกข์ข้ามชาติว่างั้นเถอะ ดังนั้นสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนชาวพุทธ เพื่อเป็นไปจากการละ เลิก ซึ่งสิ่งที่จะทำให้จิตใจ วิญญาณของตัวเองเศร้าหมอง ขุ่นมัว ไม่ผ่องใส ไม่บริสุทธิ์ นัยยะเดียวกันกับคำว่าไม่ผ่องใส ก็จะยังไม่ใกล้ต่อการนิพพาน สงบเย็น

...

พระพุทธเจ้าทราบอย่างนี้ ก็เลยว่าพยายามจะบอก ให้เจ้าของหัวใจใครหัวใจมัน ดวงจิตใครดวงจิตมัน อย่าหาความขุ่นมัว ความเศร้าหมอง ไปทำร้ายจิตตัวเองเน้อ อย่า สงสารมันเถอะ อย่าโทษใครว่าเอามาให้ ประเคนให้เน้อ เธอเอง เธอเอง เธอเอง นั่นแหละ อย่า อย่าเอาความขุ่นมัวเศร้าหมองมาให้ตัวเอง มาให้จิตวิญญาณของตัวเอง จิตใจตัวเองต้องรับทุกข์  ใครไม่ได้เอามา เราเอามาเอง คนอื่นโยนให้ กระทำให้ มอบให้ ถ้าเราไม่เอาซะอย่างหนึ่ง เราก็ไม่ทุกข์ จะมาแกล้งทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ เพื่อให้เราโมโห เพื่อให้เราโกรธ เพื่อให้เราขาดสติ ทำผิดทำชั่ว อย่า อย่ามายั่วฉันซะให้ยากเลย คนกล้าหาญจะต้องตอบประโยคนี้

บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕