ทุกอย่างเกิดจากเหตุ ทุกอย่างก็ต้องมีผล จึงคำว่าจริงใจจริงๆ มันมีแต่ของจริงทั้งนั้นในชีวิตเรานี่ แล้วจะไปทำเป็นเล่นๆ กับอะไรนี่มันไม่ได้เลยนะ มันมีผลมีค่าตอบแทนออกมาหมด เพราะการที่เราทำอะไรไป มันคือกรรมทั้งนั้น เราหลงไปทำเล่นๆ นั่นก็เป็นกรรมจริง
...
การที่ประพฤติเล่นๆ ประพฤติด้วยความตลกคะนอง หวังจะเล่นๆ แต่ก็เป็นผลกรรมจริงๆ ผลจากการที่ประพฤติเล่นๆ มานานๆ เลยทำให้เกิดมาเป็นคนฟั่นเฟือนเลอะเลือนซะจริงๆ เลยตอนนี้ ชาติที่ให้สติดีๆ แกทำเป็นแกล้งเล่นเป็นคนบ้าคนบอ เอ๊า...นานๆ เข้าชาติหนึ่งบ้าจริงๆ บอจริงๆ ขึ้นมาเลย โธ่…เศษกรรม
...
ชีวิตนี้อย่าไปใช้มันเล่นๆ เชียว ต้องเป็นคนจริง ถ้าเป็นคนจริงเมื่อไหร่นั่นแหละ เลิกใช้ชีวิตเล่นๆ เมื่อไหร่นั่นแหล่ะ ไม่มาเกิดวนในวัฏสงสาร ที่มีการเล่นๆ กันนี้อีก จึงว่ามนุษย์ที่ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าใช้ชีวิตกันแบบเล่นๆ เป็นส่วนมาก ตามอารมณ์ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาตามยุคสมัย ที่จะยุยงส่งเสริมให้เราเป็นไปตามมัน เราไม่มีสติปัญญาเป็นของตัวเองก็ทำตามโลกมันไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าเราอยู่ห่างไกลต่อการที่จะพ้นจากวัฏฏะ การที่จะนิพพานที่จะสงบเย็น จะเป็นอิสระของเราเองโดยไม่ได้ขึ้นกับยุคสมัยมาบังคับบัญชา
...
จะต้องเลิกใช้ชีวิตเล่นๆ ที่มาปฏิบัติธรรมนี่แหละจะสร้างนิสัยธรรม นิสัยธรรมนั่นแหละเป็นนิสัยที่ไม่ใช่ทำได้เล่นๆ และทำเล่นๆ ก็จะไม่เกิดด้วย ปฏิบัติเล่นๆ ไม่มีทางที่จะได้ผลจริง ไม่มี เรากำลังสร้างนิสัยจริง สร้างนิสัยธรรมกัน แล้วชื่อว่าจริงแล้วไม่มีการว่าเด็กว่าผู้ใหญ่ ว่าผู้หญิงผู้ชาย การเป็นคนจริงแล้วนี่จริงได้ทุกวัยทุกเพศ
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙