การที่เรามาประพฤติปฏิบัตินั้น เพื่อจะให้จิตอยู่เฉยๆ อยู่นิ่งๆ ไม่ทุกข์ ไม่สุข ทุกข์...วางไว้ ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ สุขก็เถอะ...วางไว้ ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ ตรงนี้จะเรียกว่าอุเบกขา หรือจะว่าเป็นธรรมะก็บอก เป็นตัวที่อยู่กลางๆ อัพะยากะตา อัพยากฤต ไม่เสวยทุกข์ไม่เสวยสุข อยู่ตรงกลางๆ เป็นอารมณ์นิพพาน
...
นิพพาน แปลว่า สงบเย็น เป็นอารมณ์ที่สงบเย็น ในวันหนึ่งคืนหนึ่งถ้าเราทำให้เกิดได้อยู่บ่อยๆ จะกลายเป็นนิพพานถาวร จะเป็นอารมณ์ที่สงบเย็นแบบถาวร ไม่ชั่วพักชั่วครู่ ถ้าเป็นคนที่ไม่โกรธ ก็จะไม่โกรธไปจนกว่าจะตาย ถ้าเป็นคนที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับความทุกข์ ก็จะไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนกระทั่งถึงตาย ประคองอารมณ์ของตนเองให้ถาวร ไปได้จนตลอดชีวิตของตัวเอง นั่นล่ะเรียกว่า คนที่มีธรรมะ ดำเนินชีวิตอยู่ในศีล ในธรรม คือต้องแบบนั้น
...
คนเราที่เกิดการเบียดเบียนกันขึ้น เพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่สงบเย็น จึงมีการเข่นฆ่าอาฆาตจองเวรกันเกิดขึ้น เมื่อมีอารมณ์เช่นนั้นมันจะสงบเย็นได้เช่นไร ? แล้วจะไปเรียกร้องนิพพานที่ไหนมา ?
...
นิพพานเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกขึ้นในจิตของเราเอง หาใช่เมื่อตายแล้วเราจะตีตั๋วไปนิพพาน ไม่ใช่ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ มีสติปัญญาอยู่ในปัจจุบัน ทำอารมณ์ที่สงบเย็นให้เกิดขึ้นกับตนเองให้เป็นรูปธรรมให้ได้ อย่าไปรอเมื่อตายแล้วเราจะนิพพาน ดังนั้นต้องรู้จักนิพานก่อนว่า แปลว่า สงบเย็น ไม่ต้องรอให้ตาย ถ้าอยากจะชิมดูคืนนี้วันนี้ก็ได้
...
อย่าไปโกรธใคร อย่าไปขุ่นมัวเศร้าหมองกับเรื่องอะไรที่เรียกว่าเป็นทุกข์ใจ พยายามวางอารมณ์ตัวเองไว้ให้เฉยให้ได้ อยู่กลางๆ อุเบกขา เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นธรรมชาติที่มันจะเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะถูกใจเราเรียกว่าสุข อาจจะไม่ถูกใจเราเรียกว่าทุกข์ ทั้งถูกใจเราและไม่ถูกใจเรา เป็นธรรมชาติทั้งคู่ สิ่งบางสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา แต่ถูกใจคนอื่นก็มี สิ่งที่ถูกใจเราแต่ไม่ถูกใจคนอื่นก็มี ทั้งสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจแท้ที่จริงแล้วเป็นธรรมชาติ แล้วแต่ใครจะคิดกับมันว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจ ตัวมันเองไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย ไม่มี
...
ฉันไม่ชอบเลยความมืด ความมืดถูกเกลียด จากคนๆ หนึ่ง อีกคนมาเห็น มืดดี สงบเงียบดี ชอบความมืดขึ้นมาแล้ว ของอย่างเดียวแต่คนเอาไปเสวยอารมณ์เป็นสองอย่างก็ได้ ก็มันคือความมืดอันเดียวกัน ทำไมอีกคนเห็นว่ามันเป็นทุกข์ แต่อีกคนกลับเห็นว่าเป็นสุข
...
แล้วที่แท้จริง ที่ถูกต้อง ความมืดนี่มันสุขหรือมันทุกข์กันแน่ ต้องถามใคร ถามจักรวาลดูสิว่าความมืดนี้เป็นทุกข์หรือเป็นสุข จักรวาลบอกว่าฉันไม่ได้บัญญัติมัน มันเป็นธรรมชาติ ถ้าพระอาทิตย์ไปอยู่อีกซีกหนึ่ง อีกซีกหนึ่งต้องมืด เมื่อมืดแล้วใครจะชอบหรือใครจะเกลียดความมืดก็ไม่รู้เรื่องอะไร