การดำเนินชีวิตของเรานี่แหละ คือการปฏิบัติธรรม กว้างนะ ไม่ใช่เวลานั่งสมาธิคือการปฏิบัติธรรม การที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในขณะตื่น ไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม คือการประพฤติธรรม ก็คือต้องทำตามความเป็นจริง ของคนที่มีร่างกาย ของคนที่มีจิตใจ จะใช้ร่างกายจะใช้จิตใจนี้_ให้หลบให้หลีกจากกรรมชั่วได้อย่างไร มันคืออย่างนี้ต่างหากล่ะ ถ้าเราปลีกได้นั่นแหละคือผลล่ะ วิธีการหลบหลีกนั่นคือมรรค (คือทาง) ถ้าเราปลีกได้ ทางนั้นสามารถหลบหลีกได้ เรียกว่าเราได้รับผลแล้ว ผลจากกรรมชั่วก็ไม่มีเพราะเราไม่ได้ทำกรรมชั่วแล้ว
...
ใครจะว่ามรรคผลไม่มี มีสิมี แล้ว อย่าคิดว่าเราไม่ได้ไปวัด ไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมเลยพักนี้ อย่างนั้นเข้าใจผิด ทุกคน การใช้ชีวิตของทุกคนทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านชาววัด นั่นคือการประพฤติธรรม ประพฤติก็คือปฏิบัติ คือปฏิปทา การเคลื่อนไหวอิริยาบถ การกระทบทางกาย วาจา ใจ มีสิ่งมากระทบ มาผัสสะจะทำอย่างไร จะคิดอย่างไรที่เราจะไม่กระทำบาปไม่คิดชั่ว นั่นเรียกว่าคนประพฤติธรรม คนปฏิบัติธรรม
...
พักนี้งานยุ่งไม่ได้ปฏิบัติเลย เข้าใจผิดแล้วล่ะ อาจจะฟังเทศน์มาแล้ว แต่เข้าใจผิดแล้วล่ะ โยมว่างๆ ก็มาปฏิบัติธรรมกัน มักจะพูดอย่างนั้น แต่จริงๆ_แล้วมาเอาเชื้อจากที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ แนะ หรือว่า นำ หรือ อยู่ทำด้วยกัน อย่างนี้เทศน์ไปด้วยทำกับเขาไปด้วย แนะนำ ทำร่วมกัน แล้วเขาก็จะจดจะจำเอาไปทำเองได้ ทำเองเป็น
...
จุดใหญ่คือเอาไปทำเองได้ ทำเองเป็นนั่นแหละ เป็นส่วนใหญ่ เป็นส่วนมาก แต่ส่วนที่เราจะมารวมกันจะมาเจอกัน อาจจะเป็นส่วนน้อยเจ็ดวันมาเจอกันทีนึง คือวันพระ หลังจากนั้นเป็นไง ไอ้ที่จดจำมาในวันพระเอาไปทำเองหกวันหกวันเจ็ดวัน ยังพอจะไม่ลืมหรอก พอจะลืมก็ถึงวันพระมาอีกแล้ว จริงๆ เราปฏิบัติอยู่ทุกวันทุกที่ ไม่ใช่เราจะเป็นคนดีเฉพาะตอนมานั่งสมาธิที่วัดเสียเมื่อไหร่เล่า อยู่บ้านเราก็เป็นคนดี อยู่ที่ทำงานเราก็เป็นคนดี เราเป็นคนดีกับทุกคน ไม่เลือกเฉพาะกับบางคน อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้น เป็นคนดีเฉพาะกับพ่อกับแม่ แต่เป็นคนชั่วคนเลวกับคนอื่นๆ ไม่คุ้มกันหรอก ต้องเป็นคนดีกับทุกคน พระพุทธเจ้าท่านฝึกให้ไปถึงตรงนั้น
หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562