คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

เรื่องของวันนี้ก็วันนี้ เรื่องของพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้

  • 2024,Nov 20
  • 2779

ถึงเวลาฝึกจิตของเราให้สงบ หลังจากที่ได้เหน็ดเหนื่อยมาตลอดกลางวันให้จิตหยุดนึกหยุดคิด ละเรื่องทั้งหลายที่ผ่านมาในตอนกลางวัน ฝึกวางรายวัน เรื่องของวันนี้ก็วันนี้ เรื่องของพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ฝึกวางใช้ชีวิตให้มันผ่านไปวันหนึ่ง วันหนึ่ง และที่วางคือการวางเรื่องที่มันทำให้ทุกข์

...

แต่ส่วนเรื่องที่มันทำให้สุขนั่นล่ะก็ ยังพอเอามาเป็นอาหารให้แก่จิตแต่ใจทำให้เกิดความอิ่มเอิบปีติ ซึ่งเมื่อนำมาแล้วมันไม่เป็นโทษ จะเอาความปีติเมื่อวานนี้ วันก่อนโน้น หรือเมื่อเดือนที่แล้วปีที่แล้ว เอามาทำให้จิตใจเราอิ่มเอิบปีติ อันนี้ท่านก็อนุญาตอยู่ เอามาแก้ไขถ้าว่าปัจจุบันจิตมันหดหู่ ก็ให้ระลึกนึกถึงความอิ่มเอิบความปีติในเรื่องใดๆ ที่เคยมีมา ที่เคยผ่านมา เอามาคิดแทนเรื่องที่มันหดหู่ อันนี้ก็ถือว่าเป็นกุศโลบายที่จะทำความปีติให้เกิด ถึงแม้มันจะเป็นของเก่า ก็ไม่ผิด เพราะโดยธรรมชาติแล้วนี่ เจ้าของคือ เราเองนี่แหละมีหน้าที่จะต้องทำสิ่งใดๆ ที่ให้จิตมีความอิ่มเอิบปีติอยู่เสมอ

...

คนที่บอกว่าว่าง ว่าเหงาไม่มีงานทำ จริงๆ แล้วงานของเรามีอยู่ตลอด คืองานว่าจะต้องทำจิตของเราให้มีความอิ่มเอิบปีติอยู่เสมอ ดังนั้นจึงจะต้องคอยมีเรื่องให้ระลึก ให้นึกถึงเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงจิตให้มีความปีติ ให้มีความชุ่มชื้น ไม่ให้มันแห้ง ไม่ให้มันห่อเหี่ยว เป็นหน้าที่เลยล่ะ ดังนั้นคนที่บ่นว่าหงอย เหงา หดหู่ ถือว่าขณะนั้นเรามีความผิดแล้วล่ะ เรากำลังทำร้ายจิตตัวเองอยู่ แล้วก็แปลกนะ จะเห็นว่ามันเป็นเพียงนามธรรม ตัวหดหู่ห่อเหี่ยวมันไม่มีรูปร่างที่จะให้เห็นให้จับต้องได้หรอก แต่มันสามารถที่จะทำให้เจ้าของนั้นตายได้ เจ็บป่วยได้ มีอิทธิพลเลยล่ะต่อเจ้าของ

...

ดังนั้นถ้าเราทำตัวเองให้มันหดหู่ ให้มันห่อเหี่ยว หรือให้มันตรอมตรมนี่ เท่ากับเรากำลังทำร้ายตัวเอง กำลังปลิดชีวิตของตนเอง บั่นทอนชีวิตของตัวเองให้สั้นลง ดังนั้นอารมณ์ที่จะทำให้ตัวเองนี้ต้องหดหู่ห่อเหี่ยวนี้ เราจะต้องทำลายมันไป ผ่านมันไป ทำลายมันไม่ได้ ผ่านมันไป จะไปทุบไปตีมันไม่ได้ …แต่ก็ผ่านมันไป อย่าไปเก็บมันเอามานั่นเอง เรียกว่าผ่านมันไป การเก็บเอามานึกมาคิดมาตรอมตรม เรียกว่าเราไปเชื้อเชิญให้มันเข้ามาในจิตในใจเอง อันที่จริงสิ่งนี้ถ้าเราไม่เชื้อไม่เชิญ ไม่นำมานึกมาคิด มันก็ไม่ว่ากระไร

...

ดังนั้นถ้าคนที่คิดเป็นนี่ เขาก็จะคิดถึงแต่เรื่องที่ทำให้เกิดความปีติอิ่มเอิบผ่องใส

...

แหม ก็มันมีเรื่องให้ทุกข์น่ะ

มีกันทุกคนแหละ

...

ถ้าจะหา เรื่องที่มันทุกข์มาใส่ใจก็มีกันทุกคนแหละ ทำไมเราจะหาเรื่องทุกข์ใจไม่เป็น เป็น แต่เราไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ของมัน เราจึงไม่เอามันมา ไม่นำมันมา ไม่ให้เกียรติมันเข้ามาเยี่ยมมาเยือนในจิตในใจ เราผ่านมันไปเสียต่างหากเล่า ใช่ว่าเรานี่คิดให้ทุกข์ไม่เป็น หรือไม่รู้เรื่องอะไรเหรอที่จะทำให้ทุกข์ได้ รู้หมดแหละ แต่ไม่เห็นคุณของมัน เราจึงได้แต่ผ่านมันไป เรื่องนี้ทำให้ทุกข์ไม่เอา ไม่ให้เกียรติมัน เสียเวลา

...

ถ้าจะต้องเสียเวลานึกคิดนั้น โน่น ให้เกียรติกับเรื่องที่มันทำให้อิ่มเอิบปีติ คิดแล้วผ่องใสไม่ทำลายเจ้าของ ฝึกได้ เรื่องนี้คือเรื่องที่จะต้องฝึกให้ได้ด้วย ที่ พระพุทธเจ้าฝึกก็คือฝึกจิตให้ผ่องใส
 

หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2554