เปรตมีอยู่ สัตว์นรกมีอยู่ แต่ก็ไม่สามารถที่จะพาคนนั่งรถ นั่งรถไฟ นั่งเรือไปดูได้ เพราะเขาอยู่ในมิติที่ละเอียด แต่ถือเป็นพวกเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกันกับเรา ตอนนี้เขาอยู่ตรงนั้น เราอยู่ตรงนี้ วันหนึ่งเราอาจจะไปอยู่ตรงเขา เขามาอยู่ตรงเราก็ได้ หรือเขากับเรามาเกิดอยู่ที่เดียวกันก็ได้ ตราบใดที่ยังไม่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด มันพร้อมจะไปเจอญาติอีกเยอะ ไม่ใช่เฉพาะเท่าที่เราเห็นหน้าเห็นตาอยู่ขณะนี้
...
ที่เรามอบกายถวายชีวิตไว้ นี่สามีฉัน นี่ภรรยาฉัน ที่ลูกฉัน หลานฉัน นี่พ่อฉัน แม่ฉัน มันไม่ใช่แค่นี้ จะต้องไปเจอกับอีกหลายพ่อ หลายแม่ หลายลูก หลายหลาน หลายสามี หลายภรรยา จะมายึดมาเกาะติดอยู่แต่กับลูกหลาน ภรรยา สามี พ่อแม่ในชาตินี้ แคบนัก น้อยไป มาทุ่มเทมอบกายถวายชีวิตให้กับส่วนน้อย ซึ่งจริงๆ จะต้องเจอกับอีกส่วนมาก ในบรรดาญาติเหล่านั้น อาจจะดีกว่านี้ อาจจะเลวกว่านี้ ประมาณการได้ยาก แล้วแต่เราจะไปเสวยสุขหรือเสวยทุกข์ ถ้าชาติใดที่บุญน้อยแล้วมาเกิดเป็นคน ก็จะเจอแต่ญาติที่มาทำให้ปวดหัว เจอแต่ญาติที่ไม่มีศีลไม่มีธรรม มันก็จะเอาแต่เรื่องเดือนร้อนทั้งหลายมาให้ แสดงว่าชาตินั้นเราเสวยบุญน้อย
...
ถ้าชาติใดเรามีบุญมาก เจอวงศาคณาญาติ มิตรสหายล้วนแต่ดีๆ จะได้เจอกัลยาณมิตรเป็นส่วนมาก การที่จะเราได้จะเจอกัลยาณมิตร ต้องมีบุญพอสมควรเชียว ถ้าไม่มีบุญไม่ได้มานั่งหรอกนะในเจดีย์ (เทศน์ในเจดีย์) มันน่าจะไปอยู่สถานที่อื่น ซึ่งไม่ใช่ที่สร้างบุญสร้างบารมี เป็นที่กำลังจะก่อกรรมทำบาปทั้งหลายอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าบุญเรามีน้อย ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เกิดบุญเกิดกุศลกับเขา ดังนั้นเมื่อมาอยู่สถานที่บุญสถานที่กุศลแล้ว...เพียร...อดทน ที่จะสั่งสมบารมีให้มันยิ่งกว่านี้ อย่างน้อยเลื่อนระดับไป โน่น...ไปฟังเทศน์อยู่ที่ธรรมสภา (ศาลาสุธรรมมา) ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕