สร้างบารมีหนีบาป ถ้าใครไม่มีบาปก็ไม่ต้องหนี แต่ใครที่เข้าใจว่าตัวเองไม่มีบาปถือว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดไปแล้ว การที่จะพิจารณาง่ายๆ ให้มองไปที่พระศาสดา พระพุทธเจ้าท่านยังสร้างบารมีมาบริบูรณ์เรียบร้อยเอาชาติสุดท้ายที่เป็นพุทธเจ้า ระหว่างสร้างก็สารพัดทุกข์ สารพัดอุปสรรค ไม่ใช่รอวันเวลาแล้วดวงตาเห็นธรรมเลย ท่านออกไปลองถูกลองผิดตั้ง ๖ ปี ระหว่าง ๖ ปีนั้นเป็นสุขหรือ ท่านมัวไปเล่น ไปทดลอง โลเล เหยาะแหยะอยู่อย่างนั้นหรือ เปล่า ตามที่เราทั้งหลายได้ทราบพุทธประวัติ เอาเป็นเอาตายสาหัสสากรรจ์ ลองไม่กินลองไม่นอน ตรงนั้นยืนยันได้ว่าท่านเจออุปสรรค เจอปัญหาจนกว่าจะบรรลุธรรม
...
ผู้อื่นๆ เสียอีกไม่ถึง ๖ ปี พระนางประชาบดี โคตรมี เป็นภิกษุณี เป็นสตรี ภายในเดือนเดียวบรรลุธรรมแล้ว บรรลุไวกว่าพระองค์ พระองค์ตั้ง ๗๒ เดือน แม่นางภายในเดือนเดียว ซึ่งคำว่าภายในอาจจะก่อนเดือนด้วย เรากล่าวให้คิดง่ายๆ แม่นางมาบรรลุตาม ไม่ต้องไปแสวงหาทางพ้นทุกข์ด้วยตัวเอง มารู้ตามที่พระองค์ได้รู้มา ได้ค้นคว้ามาก่อนหน้านั้นแล้วก็เลยได้ทางลัด พระองค์ ๖ ปี สิบสองหกเจ็ดสิบสอง ๗๒ เดือน แม่นางเดือนเดียว ถ้าเราได้ใคร่ครวญอย่างนี้เราจะได้ขยัน เราจะได้เข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น ต้องอาศัยความมุ่งมั่นจริงจัง สมกับเป็นผู้ใหญ่ สมกับคนโต สมกับคนที่มีบุญมา
...
มีบุญมาคืออย่างไร ? ก็มีบุญมาเกิดเป็นคนไง อย่ามามัวเข้าใจผิดเลยว่า ถ้าเรามีบุญมามากเราก็จะทำมั่ง แต่นี่มีบุญมาน้อยแล้วมัวไปนั่งปฏิบัติธรรม แล้วจะเอาอะไรกินอะไรอยู่ ถ้าเราเกิดมาเป็นคนรวยไม่ต้องทำมาหากินอะไร เราก็จะปฏิบัติบ้างหรอก ธรรมะเนี่ย คิดผิดอีกแล้ว ไม่มีอะไรจะกินนี่แหละที่จำเป็นต้องปฏิบัติเพื่อหนีทุกข์อย่างยิ่ง ชาตินี้ยังไม่มีอะไรกินชาติหน้าไม่ได้กินอะไรเลยนะ เช่น พวกสัตว์นรก เปรต
...
ก็ชาตินี้ปริ่มๆ น้ำอยู่แล้วยังไม่ทำอีก เราไม่ได้กล่าวโดยไม่มีเหตุผล กล่าวโดยมีเหตุผลนะ ชาตินี้ระกำลำบากไม่มีจะกิน ได้กินก็ไม่เต็มท้อง เต็มท้องเป็นบางมื้อบางวัน แล้วยังไม่ทำอีกซึ่งบุญซึ่งบารมี กลับไปเข้าใจผิดเสีย ปัญญาน้อย (ปัญญาน้อย คือ ไม่รู้จักแนวคิด)
..
ก็ไม่มีใครบอก เมื่อไม่มีใครบอกแล้วก็ไม่ได้แสวงหาที่จะฟัง มันก็เลยตัน “ช่างมันเถอะ คิดมาก” ตัดตอนเลย จบไปเลยหนึ่งชาติ คนอย่างนี้มีเยอะเฉพาะประเทศไทยและเป็นพุทธด้วย เดี๋ยวจะว่าคนที่มาเจอพระพุทธศาสนาได้ถือพระพุทธศาสนานี่บุญมากมายกว่าคนอื่นๆ ไม่ใช่อย่าเพิ่งตัดสินอย่างนั้น เป็นรายๆ ไป เหมือนคนที่เคยได้เห็นเพชร เห็นพลอยแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของเพชรเจ้าของพลอยมีมากกว่าคนที่เป็นเจ้าของ ก็เพียงเกิดมาได้เห็น เห็นมันอยู่ในหูคนอื่น อยู่ในนิ้วคนอื่น อยู่บนคอคนอื่น อยู่บนหัวคนอื่น แต่ตัวเองไม่ได้ประดับ ได้แค่เห็น เหมือนกันอุปมาอุปไมย ได้รู้จัก ได้เจอศาสนาพุทธ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของซึ่งธรรมะนั้นๆ จริงๆ
...
เหตุที่เป็นเจ้าของก็ไม่ได้ยากเท่ากับการเป็นเจ้าของเพชร เพราะไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องซื้อ แล้วแต่ใจจะไขว่คว้า หมดสิทธิ์ที่จะอ้างว่าฉันรวยฉันจน ก็เลยไม่ได้ใกล้พระพุทธเจ้า ถ้าได้ใกล้พระพุทธเจ้าไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้ทรัพย์สมบัติมากมายก่ายกองอะไรเลย ดีที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนไว้ให้มาด้วยตัวเปล่าๆ ถ้าทราบข่าวว่าตรงไหนมีเมตตาที่จะสงเคราะห์ได้โดยไม่เสียเงินเสียทองไปตรงนั้นสิ เรากล่าวหมายถึงอย่างนั้น ไม่รวมถึงพวกที่ตั้งค่าหัวตั้งค่าราคาในการที่จะบวช
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒