ฝึกไม่นอนมันบ้างก็ได้ ฝึกไม่หลับมันบ้างก็ได้ ฝึกไม่กินมันบ้างก็ได้ ฝึกไม่พูดมันบ้างก็ได้ ฝึกไม่โกรธมันบ้างก็ได้ ฝึกได้ทั้งนั้น ไปโทษจริตไปโทษนิสัย อย่าไปโทษมันเลย จริตไม่ดี ก็ต้องทำให้มันดี เป็นหน้าที่ของเจ้าของ นิสัยไม่ดีก็ต้องทำนิสัยที่ดีให้เกิดขึ้น ไม่ชอบทำดี ก็ต้องสร้างนิสัยชอบทำดีให้เกิดขึ้น ถ้าปล่อยไว้มันก็ชั่วไปตามนั้นแหละ การที่เรามาปฏิบัติธรรมกันนี่ ก็เพื่อที่จะแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายของตัวเราให้ดีขึ้น นั่นคืองานของทุกคน
...
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในชาตินี้ เกิดมาทำไม ถ้าจะตอบกันแบบสั้นๆ ตรงๆ เกิดมาแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี เกิดมาแก้ไขนิสัยที่เป็นบาป (ไม่ดี ก็คือ บาป บาป แปลว่าชั่ว) ที่มาเกิดนี่มาแก้ไขความชั่ว ตอบกันแบบกระทัดรัดที่สุด ไม่ใช่เกิดมากินเผ็ดกินเค็มหรอก ที่กินเผ็ดกินเค็มเพื่อที่จะให้มีเรี่ยวมีแรง เอาเผ็ดเอาเค็มไปเคลือบแป้ง แป้งมันจืดๆ ชืดๆ กลืนไม่ลง เอาเผ็ด เอาเค็ม เอาเปรี้ยว เอาหวาน ไปเคลือบเพื่อจะให้กลืนลง กลืนลงไปเพื่อจะได้มีกำลัง
...
มีกำลังเพื่ออะไร ? จะเอากำลังนี่แหละมาแก้ไขความผิดความชั่ว เกิดมาเพื่ออย่างนี้ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อเสวยสุข เมืองมนุษย์ไม่ใช่เป็นแดนเพื่อเสวยสุข แต่เป็นแดนแก้ไขกรรม ใช้ให้ถูกต้อง หวังที่จะมาใช้ความสุขบนเมืองมนุษย์นี้ คิดผิดตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้น มิจฉาทิฏิ มีความเห็นผิดแล้ว
...
หวังจะมาดูสวยดูงามบนเมืองมนุษย์ ถ้าเทียบกับเทวโลกแล้วเทียบไม่ติด ความสวยความงามเทียบเขาไม่ได้ หน้าตามนุษย์ก็มะร่อข้อแค่มีบ่อมีหลุมอยู่บนใบหน้า ขี้มูกขี้ตาไหลออกอยู่ตลอด อย่าเอาไปประกวดเชียวเน้อกับนางฟ้ากับเทพบุตร หลุดลุ่ยเลยล่ะ รูปร่างมีหลุมมีบ่อไม่พอ ยังมีกลิ่นเน่ากลิ่นเหม็นไหลออกอีก ไหวหรือที่จะมาสุขกับกายนี้ จะมาแสวงหาความสุขที่เมืองมนุษย์ มิจฉาทิฎิ เห็นผิด เข้าใจผิด แล้วล่ะแกเอ๋ย
...
ที่นี่ไม่ใช่แดนเสวยสุข แต่เป็นแดนรับทุกข์ เป็นแดนแก้ไขความชั่ว ใครที่เกิดมาไม่ได้แก้ไขความชั่ว จึงเป็นโมฆะสูญเปล่า เกิดมาไม่มีประโยชน์ สัจธรรมความจริงคืออย่างนั้น ถึงแม้ศาสนาอื่น ลัทธิอื่นๆ ไม่ได้บัญญัติไว้เช่นนี้ แต่เขาก็ตกอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกันกับเรา
...
ไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตามแต่ นั่นคือการทำมาหาเลี้ยงอัตภาพ เพื่อให้อัตภาพตั้งอยู่ได้ และเอาอัตภาพนี้มาแก้ไขสิ่งที่ผิดที่ชั่วให้หายให้หมดไปในชาตินี้ อาชีพต่างๆ ทั้งหลายไม่ได้สำคัญเป็นหนึ่งเป็นเลิศหรอก ยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่งานหลัก เป็นแต่เพียงงานหาเลี้ยงอัตภาพเฉยๆ อย่าไปสำคัญมั่นหมายว่าใหญ่ว่าโตอะไรนักเลย
...
เลี้ยงอัตภาพให้ตั้งอยู่ได้ เพื่อ ??? ตรงนี้ต่างหากคือจุดสำคัญ ก็เพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงแก้ไขสิ่งชั่วในตัวเอง ในจิตวิญญาณของตัวเอง ส่วนคนที่เห็นผิดเข้าใจผิดจะทำตรงกันข้ามเสียอีก คือไม่แก้ไขแต่กลับสั่งสมความชั่วเพิ่มเข้าไปอีก หนักไปใหญ่ ใช้อำนาจ ใช้วาสนา ใช้ความมีอำนาจใหญ่โตมโหฬารนั่นแหละ ทำชั่วได้ง่ายขึ้นได้มากขึ้น ถ้าใครทำอย่างนั้นเรียกว่า มิจฉาทิฎฐิ แปลว่า ผู้เห็นผิด
...
แท้ที่จริงแล้วไม่ว่าเราจะเป็นใคร ? ที่ไหน ? อย่างไร ? ก็ตามแต่ เราได้แก้ไขความชั่วของตัวเองเสร็จหรือยัง ? งานอยู่ตรงนี้ อย่าหลงประเด็นเน้อ งานอื่นๆ เป็นรองหมด ไม่ใช่งานหลักของการเกิดมาหรอก
บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗